จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

ประวัติเครื่องคนตรี ขลุ่ย




      ขลุ่ย  เป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี 
ดนตรีไทยได้เจริญรุ่งเรืองมาก  ประชาชนนิยนเล่นกันมาก เครื่องดนตรีในสมัยนี้ก็ได้มาแต่กรุงสุโขทัยร่วมสมัยกับเครื่องดนตรีประเภท กลอง ฆ้อง กรับ พิณเพียะ แคน ขลุ่ย ปี่ ซอ และกระจับปี่ แต่มีหลักฐานชัดเจนปรากฏในกฎมนเฑียรบาลสมัยพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991-2031) แห่งกรุงศรีอยุธยาว่าห้ามร้องเพลงหรือเป่าขลุ่ย เป่าปี่ สีซอ ดีดกระจับปี่ ดีดจะเข้ ตีตะโพนในเขตพระราชฐานก่อนที่จะมาเป็นขลุ่ยอย่างที่ปรากฏรูปร่างในปัจจุบัน

 
     ขลุ่ยนับเป็นเครื่องดนตรีโบราณของไทยอีกชนิดหนึ่ง  โดยทั่วไปแล้วขลุ่ยเป่าได้โดยไม่ต้องใช้ลิ้น เพียงแต่เจาะรูที่ท่อไม้ไผ่ก็เป่าได้แล้วอย่างขลุ่ยผิวของจีน  ต่อมาจึงเกิดการใช้ไม้ทำเป็นเครื่องบังคับลมเรียกว่า “ดาก”เข้าไปในตัวขลุ่ย และเจาะลิ้นให้เกิดเสียงการผสมของดนตรีไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นและตอนปลายนั้น  ก็ยังไม่มีขลุ่ยสำหรับปี่พาทย์นั้นมีแต่เครื่องห้า ซึ่งย่อมจะใส่ขลุ่ยลงไปไม่ได้ เพราะมีแต่ปี่พาทย์ไม้แข็งเท่านั้น มโหรีหญิงมาเพิ่มเป็นเครื่องหกเมื่อตอนปลายกรุงศรีอยุธยา และขลุ่ยก็เริ่มมีบทบาทตอนนี้ คือ การเพิ่มรำมะนาเข้าไปคู่กับโทน และมีการเพิ่มขลุ่ยลงไปอีกเลาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขลุ่ย ได้เป็นเครื่องดนตรีที่มีบทบาทมาก วงดนตรีหลายประเภทขาดขลุ่ยไม่ได้เอาทีเดียว  เช่น  วงมโหรีก็ต้องใช้ขลุ่ย  เครื่องสายไทย หรือเครื่องสายผสมชนิดใดๆ
ก็ต้องใช้ขลุ่ยทั้งนั้น จากนั้นวงปี่พาทย์ไม้นวมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล็ก  เครื่องใหญ่  ก็ต้องใช้ขลุ่ยเป่าแทนปี่
วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ที่เกิดขึ้นในสมัยหลังก็ใช้ขลุ่ยแทนปี่เหมือนกัน

    ก่อนที่จะมาเป็นขลุ่ยอย่างที่ปรากฏรูปร่างในปัจจุบัน ขลุ่ยได้ผ่านการวิวัฒนาการมาเป็นระยะเวลายาวนาน
มาจากปี่อ้อซึ่งตัวปี่หรือเลาทำจากไม้รวกท่อนเดียวไม่มีข้อ และมีลิ้นซึ่งทำด้วยไม้อ้อลำเล็กสำหรับเป่าให้เกิดเสียง
หลังจากนั้นจึงปรับเปลี่ยนรูปร่าง และวิธีเป่าจนกลายมาเป็นขลุ่ยอย่างที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ว่าเป็นขลุ่ยเพียงออ




ติดตามข่าวสารดีๆเกียวกับดนตรีไทยได้ที  http://www.livethaimusic.com/
ขอบคุณแหล่งข้อมูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น